ละครเวทีเกาหลี...มหาวิทยาลัยมหาสารคาม..

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ยาตีกัน



ยาตีกัน
ยาตีกัน หมายถึงคนที่กินยาหลายอย่างเข้าไปในระยะเวลาเดียวกัน ยาเหล่านั้นจะเข้าไปมีผลต่อกัน ทำให้ฤทธิ์ของยาแต่ละอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจเป็นโทษได้ ในปัจจุบัน ประชาชนไม่น้อยนิยมซื้อยามากินเอง บางทีซื้อยาเป็นชุดมาจากร้านขายยา บางคนนิยมไปหาแพทย์เฉพาะทางให้รักษาอาการแต่ละอย่าง บางทีไปหาหมอรักษาทีเดียวพร้อมกันหลายๆ คน เช่น คนหนึ่งรักษาหัว อีกคนรักษาท้อง เป็นต้น โดยหารู้ไม่ว่ายาที่หมอคนหนึ่งให้อาจไปตีกับยาของหมออีกคนหนึ่ง เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันบางชนิด จะต้องกินยา coumadin เพื่อทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง มีผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น และหลอดเลือดหัวใจตีบตันดีขึ้น แต่มียาอยู่กว่า 20 ชนิดที่มีผลให้ยา coumadin มีฤทธิ์แรงขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีเพราะอาจทำให้เลือดไม่แข็งตัว เกิดเลือดออกในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น สมอง หรืออาเจียนเป็นเลือด อาจเป็นอันตรายได้ โดยยาดังกล่าวได้แก่ แอสไพริน ยาแก้อักเสบ phenyl butazone หรือยาปฏิชีวนะอย่าง chloramphenicol บางคนที่กินยา coumadin อยู่แล้วไปกินยาแอสไพริน อีกเม็ดเดียวหรือสองเม็ดก็เกิดเลือดออกเป็นอันตรายได้ ผู้ที่กำลังได้รับยานี้รักษาจึงควรระวังการใช้ยาให้มาก การที่ยาตีกันแต่ไม่รุนแรงอย่างที่ยกมาก็มี เช่น คนที่กินยาพวกเข้าเหล็ก ซึ่งเป็นยาบำรุงเลือด หรือคนที่กินยาพวกที่เป็นเกลือด่าง เพื่อลดกรดในกระเพาะอาหาร จะมีผลทำให้การดูดซึมของยาอื่นๆ จากกระเพาะและลำไส้เสียไป เช่น เมื่อมีการอักเสบ มีเชื้อโรค กินยาพวกปฏิชีวนะก็ดูดซึมไม่ได้ การอักเสบติดเชื้อก็ไม่หาย คนทีกินยาเบาหวาน ถ้าไปกินเหล้าหรือเบียร์ ซึ่งมีแอลกอฮอล์ก็จะเกิดอาการแพ้ได้ และยังมียาอีกหลายอย่างที่ไม่ถูกกับแอลกอฮอล์ เช่น ยาคลายกังวลบางอย่างจะทำให้เมาง่ายขึ้น ถ้าไม่ระวังคิดว่าดื่มแก้วเดียวเคยขับรถได้สบาย หากดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับยาพวกนี้ ก็อาจได้รับอุบัติเหตุเป็นอันตรายได้ จะเห็นได้ว่าการกินยาหลายอย่างพร้อมกันนั้น นอกจากยาจะมีฤทธิ์ต่อคนแล้ว ยายังมีฤทธิ์ต่อยากันเองด้วย ทำให้ผลของยาผิดไปจากปกติ ซึ่งบางอยางอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ต้องระวังให้มาก
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น